กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) โดยนายสุรพงษ์ เชียงทอง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (อพร.) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่สำนักเหมืองแร่และสัมปทาน และเจ้าหน้าที่กองบริหารยุทธศาสตร์ นำผู้ประกอบการจากประเทศไทย เข้าร่วมประชุมสุดยอดว่าด้วยการเหมืองแร่และอุตสาหกรรมเหมืองแร่อิหร่าน (Iran & Mining Industries Summit : IMIS 2015) ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม 1 มิถุนายน 2558 ณ กรุงเตหราน และเข้าร่วมศึกษาศักยภาพอุตสาหกรรมเหมืองแร่และเขตเศรษฐกิจพิเศษอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ ระหว่างวันที่ 2 3 มิถุนายน 2558 ณ เมืองบันดาร์อับบาส สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
Milad Tower International Convention Center ซึ่งเป็นสถานที่ ที่ใช้จัดการประชุมฯ ในครั้งนี้
พิธีเปิดงานการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเหมืองแร่และอุตสาหกรรมเหมืองแร่อิหร่าน (Iran & Mining Industries Summit : IMIS 2015) ครั้งที่ 1 โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เหมืองแร่ และการค้า (Mr. Mohammad Reza Nematzadeh) ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2558 ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลก ประมาณ 1,000 คน
การประชุมหารือถึงโอกาสความเป็นไปได้เกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุนในอุตสาหกรรมแร่ ที่นักลงทุนไทยจะไปลงทุนในสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
การประชุมหารือแบบทวิภาคีกับคณะเจ้าหน้าที่ IMIDRO เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิชาการ การค้า และการลงทุนในอุตสาหกรรมแร่ ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
บูธแสดงการนำเสนอเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของอิหร่าน
ตัวอย่างแร่บางชนิดที่นำมาแสดงในงาน เช่น แร่โพแทซ แร่พลวง(Antimony) ซึ่งจากการสำรวจพบแร่มากกว่า 60 ชนิด ทั้งแร่โลหะและแร่อโลหะ โดยมีปริมาณสำรองแร่ที่สำคัญ เช่น แร่เหล็ก ประมาณ 2,700 ล้านเมตริกตัน ทองแดง ประมาณ 1,721 ล้านเมตริกตัน ยิปซั่ม ประมาณ 1,637 ล้านเมตริกตัน ถ่านหิน ประมาณ 630 ล้านเมตริกตัน แร่ทองคำ ประมาณ 74 ล้านเมตริกตัน ฯลฯ
เขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตประกอบการเหมืองแร่ Persian Gulf Special Economic Industries & Mining Zone (PGSEZ) มีพื้นที่ประมาณ 3,125 ไร่ ตั้งอยู่ ณ เมืองบันดาร์ อับบาส บริเวณอ่าวเปอร์เซีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
อพร. และคณะเจ้าหน้าที่ กพร. ร่วมประชุมหารือแบบทวิภาคีกับคณะผู้บริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (PGSEZ) เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯตลอดจนส่งเสริมความร่วมมือด้านวัตถุดิบ การค้า และการลงทุนภาคอุตสาหกรรม ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
คณะผู้บริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน (PGSEZ)
คณะผู้บริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ จัดงาน Welcome Party เพื่อต้อนรับ อพร. และคณะเจ้าหน้าที่ กพร.
ท่าเรือน้ำลึกบริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ในเมืองบันดาร์อับบาส ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในระบบโลจิสติกส์ต่างๆ ทั้ง ทางรถไฟ ทางด่วน ท่าเรือขนาดใหญ่ ระบบขนส่งลำเลียงแร่ทางสายพาน
เขตเศรษฐกิจพิเศษฯ มีการประกอบการมากกว่า 23 บริษัท และมีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงโรงถลุงเหล็กขนาดใหญ่ จำนวน 4 แห่ง และโรงงานผลิตอลูมิเนียมขนาดใหญ่ จำนวน 4 แห่ง
โรงไฟฟ้าขนาด 1,200 MW เพื่อรองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ อุตสาหกรรมพื้นฐาน และอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานสูง ฯลฯ
บทสรุปที่ได้จากการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเหมืองแร่และอุตสาหกรรมเหมืองแร่อิหร่าน (Iran & Mining Industries Summit : IMIS 2015) ครั้งที่ 1 ณ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
1. เป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย เนื่องจากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านเป็นประเทศที่มีทรัพยากรแร่อุดมสมบูรณ์มาก มีปริมาณสำรองแร่โลหะและอโลหะสูงเป็นลำดับต้นๆของโลก ดังนั้นการทำธุรกิจและการค้ากับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้
2. เพิ่มศักยภาพในการค้าและการลงทุนด้านอุตสาหกรรมสำหรับประเทศไทย เนื่องจากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาซึ่งครอบคลุมทุกขั้นตอนของการนำทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์ อาทิเช่น การทำเหมือง การแต่งแร่ การเพิ่มมูลค่าแร่ รวมถึงการซื้อขายแร่ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนและผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมในการเข้าไปลงทุนด้านอุตสาหกรรมแร่ในสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
3. เป็นการแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือด้านวิชาการในอุตสาหกรรมแร่ ปัจจุบันมีนักลงทุน นักธุรกิจ และบริษัทที่ปรึกษาจากหลายๆประเทศเข้าไปลงทุนทำธุรกิจในสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ดังนั้น การแลกเปลี่ยนและการสร้างความร่วมมือทางด้านวิชาการในอุตสาหกรรมแร่ ระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน หรือ ผู้ประกอบการไทยกับภาคเอกชนที่ประกอบการในสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน จะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการผลิต การแข่งขัน และการบริหารจัดการอุตสาหกรรมแร่ของทั้งสองประเทศได้
โดยขั้นตอนต่อไป กพร. จะรายงานผลการเข้าร่วมประชุมฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (รวอ.) ทราบและพิจารณาเห็นชอบในหลักการสำหรับการสร้างความร่วมมือทั้งในด้านวิชาการ การค้า และการลงทุน ระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งหาก รวอ. เห็นชอบในหลักการฯ กพร. จะประสานและเรียนเชิญคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านมาเยือนประเทศไทย เพื่อหารือในขั้นรายละเอียด และเจรจาธุรกิจกับกลุ่มอุตสาหกรรมรายสาขาของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการค้าและการลงทุนในอุตสาหกรรมแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานกับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านต่อไป