กพร. ชูนโยบายเหมืองแร่สีเขียวพร้อมเปิด 6 ข้อกำหนดการทำเหมืองแร่
เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างภาคอุตสาหกรรมสังคม และสิ่งแวดล้อม
นครราชสีมา 27 สิงหาคม2559 – กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม เผยนโยบาย “เหมืองแร่สีเขียว” หรือ Green Mining ตั้งเป้ายกระดับมาตรฐานเหมืองแร่ทั่วไทยให้ตระหนักถึงการประกอบการเหมืองแร่ที่ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม ภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคม มีมาตรฐานการบริหารจัดการที่ดี มีความปลอดภัย มีพื้นที่สีเขียว มีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ โดยปัจจุบันมีสถานประกอบการที่ได้รับรับรองมาตรฐานเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining) แล้ว จำนวน 138 ราย จากจำนวนเหมืองแร่ทั่วประเทศ 585 เหมือง โดยในปี 2559 นี้ได้ดำเนินการตรวจประเมินสถานประกอบการเพิ่มอีกจำนวน 34 ราย คาดว่าจะสามารถตรวจประเมินได้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2559
นายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า กพร. มีนโยบาย เหมืองแร่สีเขียว หรือ Green Mining ซึ่งเป็นนโยบายที่ถูกกำหนดขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานของสถานประกอบการเหมืองแร่ทุกประเภทให้ผู้ประกอบการคำนึงถึงการประกอบการที่นำทรัพยากรแร่มาใช้อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีกระบวนการนำทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมภายใต้การตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม มีมาตรฐานการบริหารจัดการที่ดี มีความปลอดภัย มีพื้นที่สีเขียว มีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ โดยนโยบายดังกล่าวถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ครอบคลุมสถานประกอบการเหมืองแร่ทั้ง 5 ประเภท ได้แก่ สถานประกอบการเหมืองแร่ โรงแต่งแร่ การประกอบการโลหกรรม โรงงานโม่ บด หรือย่อยหิน และโรงงานผลิตเกลือสินเธาว์
นายชาติ กล่าวต่อว่า รายละเอียดของสถานประกอบการที่จะได้รับ รับรองมาตรฐานเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining) จะต้องมีองค์ประกอบดังนี้
1. มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นที่ตั้ง ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้อยู่ในสภาพดีโดยเร็วเมื่อการทำเหมืองก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในระดับที่รุนแรง และเกิดการร้องเรียน
2. มีการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ต้องมีระบบการจัดการที่ได้มาตรฐาน มีระบบตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ
3. มีการดูแลความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยของคนงานและชุมชนผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยและสุขภาพที่ได้มาตรฐาน ตามหลักวิชาการที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อพนักงานเหมืองและประชาชนทั่วไป มีระบบตรวจสอบและควบคุมมลพิษไม่ให้แพร่กระจายออกสู่ภายนอกเหมืองแร่
4. มีพื้นที่สีเขียวและทัศนียภาพเรียบร้อยสะอาดตา ต้องทำการปลูกต้นไม้และปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงาม บริเวณที่ผ่านการทำเหมืองแร่แล้วต้องทำการฟื้นฟูควบคู่ไปกับการทำเหมือง เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวและสร้างสมดุลของระบบนิเวศน์
5. การการดำเนินงานโปร่งใสตรวจสอบได้ ต้องเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองให้สาธารณชนรับทราบ และพร้อมรับการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก เช่น การติดป้ายแสดง ขอบเขตเหมือง และการประชาสัมพันธ์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
6. มีการใช้ทรัพยากรแร่อย่างคุ้มค่า ต้องนำทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ตลอดจนต้องมีวิธีนำของเสีย จากขบวนการผลิตมาใช้ประโยชน์เช่นเดียวกัน โดยส่งเสริมให้มีการจัดทำ 3 Rs (Reduce Reuse Recycle) เพื่อสร้างความตระหนักในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีสถานประกอบการที่ได้รับรองมาตรฐานเหมืองแร่สีเขียว (Green Mining) แล้ว จำนวน 138 ราย จากจำนวนเหมืองแร่ทั้งหมด 585 เหมืองทั่วประเทศ โดยในปี 2559 กพร. ได้ดำเนินการตรวจประเมินสถานประกอบการเพิ่มอีกจำนวน 34 ราย คาดว่าจะสามารถตรวจประเมินได้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2559 อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีมูลค่าการผลิตแร่คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 63,404.8 ล้านบาท จากการผลิตแร่ 49 ชนิด ซึ่งถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมการผลิต อาทิ ปูนซีเมนต์ ไฟฟ้า เซรามิก แก้ว กระจก และเกษตร เป็นต้น นายชาติ กล่าวทิ้งท้าย
สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2202 3555 หรือเข้าไปที่ www.dpim.go.th