กระทรวงอุตสาหกรรม ย้ำการพิจารณาอนุญาตคำขอตามกฎหมายว่าด้วยแร่
สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงเปลี่ยนผ่าน พ.ร.บ.แร่ วันที่ ๒๙ สิงหาคม นี้
กระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านที่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะมีผลใช้บังคับ นั้น บรรดาคำขอประทานบัตรและคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ได้ยื่นไว้ก่อนหน้าย่อมไม่เสียไป เนื่องจาก พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ กำหนดรับรองสถานะให้เป็นคำขออย่างต่อเนื่องกันโดยไม่ขาดตอน ตามมาตรา ๑๘๘ ซึ่งกำหนดให้คำขอทุกประเภทที่ได้ยื่นไว้ก่อนที่กฎหมายใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นคำขอตามกฎหมายนี้ และเจ้าหน้าที่สามารถพิจารณาอนุญาตคำขอที่ได้ยื่นไว้เดิมได้
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า การจัดทำพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ นี้ ถือเป็นความพยายามของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ที่ต้องการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายว่าด้วยแร่ให้สอดรับกับเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมเหมืองแร่ที่พัฒนาจากเดิมมาก และสอดรับกับบริบทของสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน กพร. เริ่มยกร่างพระราชบัญญัติแร่ฉบับใหม่นี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามแผนพัฒนากฎหมายของกระทรวงอุตสาหกรรม และดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๐ โดยกฏหมายแร่ใหม่กำหนดระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อม ๑๘๐ วัน และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๐ นี้
พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ฉบับนี้ ยังคงหลักการโดยรวมของกฎหมายแร่ฉบับเดิมไว้ และเพิ่มเติมหลักการสำคัญให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้เป็นไป อย่างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน กระจายประโยชน์อย่างเป็นธรรม สร้างกลไกเพื่อคุ้มครองสุขอนามัยของประชาชน กำหนดมาตรการและเครื่องมือเยียวยาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำเหมือง สำรวจหรือขุดค้นแร่อันเป็นทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ และสร้างสมดุลของสิทธิ หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ กฎหมายแร่ฉบับใหม่ กำหนดให้บริหารจัดการแร่อย่างเป็นระบบ กำหนดให้มีแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ กำหนดเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองให้ชัดเจน โดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและชุมชน เป็นสำคัญ
กระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่า ร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการแร่จะเสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้คณะกรรมการ นโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (คนร.) พิจารณา และเสนอคณะรัฐมนตรี ภายในเดือนธันวาคม ศกนี้
อนึ่ง ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ กระทรวงอุตสาหกรรม ยังคงดำเนินการคำขอประทานบัตร คำขอต่ออายุประทานบัตร และตรวจสอบ ข้อมูล เอกสาร หลักฐานประกอบคำขอให้มีความถูกต้องสมบูรณ์ครบถ้วน ตามขั้นตอนการกลั่นกรองและปฏิบัติราชการ รวมทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นปกติ ซึ่งนับตั้งแต่พระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา กระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาอนุญาตโดยคำนึงถึงหลักการตามกฎหมายใหม่มาโดยตลอด รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขการอนุญาตที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไข ที่จะกำหนดในพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้โดยเท่าเทียมกัน คำขอที่ได้ยื่นไว้แล้วและครบถ้วนถูกต้อง กระทรวงอุตสาหกรรมสามารถดำเนินการต่อได้ โดยไม่ต้องยื่นคำขอใหม่
กระทรวงอุตสาหกรรมจะจัดตั้งคณะทำงานจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน อาทิ ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาการเหมืองแร่ และสมาคมอุตสาหกรรมย่อยหินไทย เป็นต้น เพื่อร่วมกันกำหนดแผนงานและจัดเตรียมข้อมูลในการสนับสนุนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ นโยบาย แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ กำกับ ติดตาม และประเมินผล ให้ดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๐