กระทรวงอุตสาหกรรม เผยผลการตรวจสอบบ่อเก็บกากแร่ที่ ๑ (TSF1) ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) พบข้อบ่งชี้การรั่วไหลของน้ำจาก TSF1 ถึงบ่อสังเกตการณ์ด้านใต้และตะวันตกเฉียงใต้ พร้อมเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลง เพื่อความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) แถลงว่า ขณะนี้ผลการศึกษาโครงการสำรวจตรวจสอบโอกาสการรั่วไหลของสารพิษจากบ่อเก็บกากแร่ที่ ๑ (TSF1) ด้วยเทคนิคด้านธรณีฟิสิกส์และไอโซโทป โดย ผศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ดร.สิรินาฏ เลาหะโรจนพันธ์ และ Dr.Yuji Mitsuhata จาก National Institute of Advanced Industrial Science and Technology (AIST) ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากคณะทำงานย่อยผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบข้อเท็จจริงการรั่วซึมของบ่อเก็บกากแร่ที่ ๑ และคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการรั่วซึมของบ่อเก็บกากแร่แล้ว สามารถสรุปผลการศึกษา พบความผิดปกติทางความต้านทานไฟฟ้าที่แสดงถึงการรั่วไหลของน้ำจากบ่อเก็บกากแร่ที่ ๑ สอดคล้องกับข้อมูลธรณีเคมีกับไอโซโทป ซึ่งชี้ให้เห็นว่า น้ำจากบ่อเก็บกากแร่ที่ ๑ ไหลมาถึงบ่อสังเกตการณ์ด้านทิศใต้และตะวันตกเฉียงใต้ (บ่อเฝ้าระวัง ๖๔๖๘ ๖๔๗๓ ๕๓๓๙ ๖๖๙๑ และ ๕๓๓๘) รวมทั้งพบน้ำซับทางด้านทิศใต้ของบ่อเก็บกากแร่ที่ ๑ ด้วย
สำหรับการตรวจสอบน้ำผุดหรือน้ำซับบริเวณนาข้าวที่ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียน จากการตรวจสอบ ๒ ครั้ง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐ ไม่พบสารไซยาไนด์ปนเปื้อนในน้ำอย่างมีนัยสำคัญ แต่พบการปนเปื้อนของซัลเฟตและโลหะหนักอื่น และผลการวิเคราะห์ทางเคมีของน้ำจากบ่อเฝ้าระวังชี้ว่า น่าจะเป็นน้ำรั่วไหลจากบ่อเก็บกากแร่ที่ ๑
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) จะได้ติดตามเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพน้ำโดยรอบสถานประกอบการเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ ต่อไป เพื่อความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑