วันที่ 10 สิงหาคม 2566 นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มอบนโยบายแก่ผู้ประกอบการเหมืองแร่ที่ได้รับอนุญาตประทานบัตรรายใหม่ ต่ออายุประทานบัตร และโอนประทานบัตร โดยกำชับให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เป็นผู้ประกอบการที่ดี ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ช่วยเหลือและได้รับการยอมรับจากชุมชน รวมทั้งต้องฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ที่ผ่านการทำเหมืองให้เป็นไปตามแผนการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการแร่ เพื่อส่งคืนพื้นที่เพื่อประโยชน์ของชุมชนต่อไป

การมอบนโยบายครั้งนี้มีผู้ได้รับประทานบัตรเข้าร่วม 60 ราย ประกอบด้วยผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตประทานบัตรรายใหม่ จำนวน 39 ราย ผู้ประกอบการรายเดิมที่ได้รับการต่ออายุประทานบัตร จำนวน 23 ราย และผู้ประกอบการที่มีการโอนประทานบัตร จำนวน 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากการพิจารณาให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการแร่ ในการประชุมคณะกรรมการแร่ ครั้งที่ 10/2564 จนถึงปัจจุบัน ณ ศูนย์เผยแพร่ความรู้และให้บริการ ชั้น 1 กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่

ในการมอบหมายนโยบาย นายนิรันดร์ฯ ได้กล่าวถึงภารกิจของกรมฯ ในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการแร่ให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ 20 ปี และแนวทางการพัฒนาภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการแร่ ฉบับที่ 2 รวมถึงตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรม 4 มิติ ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมีเป้าหมายให้ภาคอุตสาหการมีการพัฒนาอย่างยั่งยืน หนึ่งในภารกิจสำคัญคือการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่มีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน จึงมุ่งเน้นการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ให้มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าสูงสุด รวมถึงให้ประชาชนในทุกพื้นที่ที่มีเหมืองแร่ได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างงาน สร้างอาชีพ การศึกษาของลูกหลาน และการเสริมสร้างสุขภาพอนามัย ผ่านการจัดสรรผลประโยชน์ให้ท้องถิ่นในรูปแบบของกองทุนเฝ้าระวังสุขภาพ และกองทุนพัฒนาหมู่บ้านรอบพื้นที่เหมืองแร่ ตามแนวคิด "เหมืองแร่เพื่อชุมชน" แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำกับ ดูแล ส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีความรับผิดชอบต่อสังคม ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้ถือประทานบัตรต้องเข้าร่วมโครงการ CSR-DPIM หรือ Green Mining ภายใน 3 ปี สำหรับผู้ประกอบการรายเดิม และ 5 ปี สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการทุกรายมีมาตรฐานการประกอบการอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในอีก 10 ปี ตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแร่ของประเทศ ที่จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมเหมืองแร่เข้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในช่วงปี 2576-2580